ตีพิมพ์ครั้งแรก The Absolute Sound & Stage

iRig Keys สามารถหาซื้อได้ที่ร้านออนไลน์ GROOV store (จัดส่งทั่วประเทศ)

ผู้เขียนเป็นแฟนคีย์บอร์ดเล็ก ถ้าไม่นับตัว Casiotone เล็กๆ ที่คุณพ่อซื้อให้มาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ในวันที่เห็น Korg ทำคีย์บอร์ดเล็กออกมาจำหน่ายเป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ผู้เขียนเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ซื้อมาใช้โดยทันที จนกระทั่งวันนี้ผู้เขียนยังคงมี Korg MicroKey 25 รุ่น Limited Edition วางไว้ที่โต๊ะทำงาน

เทียบขนาดกับ Korg MicroKey

iRig Keys เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้เขียนมองเห็นว่าทางผู้ผลิต IK Multimedia นั้น ตั้งใจจะให้เป็นคีย์บอร์ดเล็กเพื่อ iPad จริงๆ เพราะมีการแถมสาย 16 Pins ที่ต่อ iPad ได้ตรงๆ มาให้กับคีย์บอร์ดเลย ขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นอย่าง Korg นั้นก็บอกว่าตัวเองใช้บน iPad ได้ แต่ผู้ใช้ต้องมี Camera Connections Kits ราคาประมาณพันกว่าบาท ซึ่งคิดเป็นราคาประมาณ 1/3 ของราคาคีย์บอร์ดเล็กเลยก็ว่าได้

ทีเด็ดอยู่ตรงนี้ครับ Port ต่อตรงสำหรับ iOS

ซึ่งมาถึงตอนนี้ผู้ใช้อาจมีปัญหาอยู่บ้างนับตั้งแต่ Apple Inc.ได้ทำการเปลี่ยนสายต่อจาก 16 Pins มาเป็น Lightning ที่น่าจะใช้กันยาวๆ อีกไม่น้อยกว่า 10 ปี เหตุผลที่ทำการเปลี่ยน หลักๆ คือต้องการลด Pins ที่ไม่จำเป็นออก เพราะของเดิม ตั้งใจจะให้ iPod ถูกใช้เป็น Accessories ที่หลากหลาย เช่นต่อกับรถยนต์ได้ แล้วทำการส่งสัญญาณ Audio ตรงไปยังรถ เป็นต้น การเปลี่ยนเป็น Lightning คือการลดขนาดพอร์ทให้เล็กลงไปเยอะมาก และเหลือเฉพาะ Digital Data จริงๆ ส่วนเรื่องของการรองรับ iPad ของอุปกรณ์เครื่องดนตรี เป็นผลนับตั้งแต่ Apple ทำการสนับสนุน MIDI ตั้งแต่ iOS 4.2 เป็นต้นมา และคีย์บอร์ดใดๆ ที่ใช้ไฟไม่เยอะ และเป็น Class-Compliant ก็จะสามารถใช้กับ iPad ได้ทันที โดยที่ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องออกแบบมาใช้แต่แรก แต่ช่วงหลังเครื่องดนตรีที่ออกแบบมาใช้เฉพาะกับ iPhone และ iPad ก็เริ่มเข้าสู่ตลาดมาเรื่อยๆ ครับ ล่าสุดที่น่าสนใจก็มี Launchpad S จากทาง Novation ที่ผู้เขียนเองก็ได้มาแล้ว จะนำมารีวิวให้กับผู้อ่านที่สนใจครับ

ภาพรวมของ iRig Keys

iRig Keys เป็นคีย์บอร์ดขนาด 37 ล่ิมคีย์ น่าทึ่งมากที่ทำขนาดเล็กได้แบบนี้ ราคาเรียกได้ว่าใครๆ ก็ซื้อหามาเล่นกันได้ และเจาะกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงนักแต่งเพลงที่ต้องการเครื่องดนตรีพกติดตัวสะดวก ผู้เขียนเองยังไม่เคยเห็นนักดนตรีแสดงสด (Live Musician) คนใดใช้คีย์บอร์ดเล็กระดับนี้ เพราะต้องยอมรับว่ามันมีโอกาสผิดพลาดสูงในการเล่น แต่การใช้แต่งเพลง บันทึกไอเดียเพลง โดยเฉพาะแบบ On the Road นั้น เป็นเรื่องที่ทำกันได้ เพราะเล่นผิดพลาดนิดๆ หน่อยๆ สามารถแก้ไขทีหลังได้

รูปแบบการจัดวาง (Layout) ของอุปกรณ์ต่างๆ ของ iRig Keys นั้นเป็นแบบมาตรฐานไม่ได้มีอะไรพิเศษที่แตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น แม้ว่าโดยส่วนตัวผู้เขียนจะชอบการรวม Pitchbend กับ Modulation Controller เป็นจอยสติ๊กอันเดียว มากกว่าแบ่งเป็นตัวควบคุม (Controller) แบบล้อเลื่อน (Wheel) 2 ชุดแยกกันแบบนี้ แต่ก็เชื่อว่าจะมีหลายคนที่ถนัดแบบนี้มากกว่าก็ได้ คือเลื่อนที่ละอย่างแยกกัน ไม่นำมาปนกัน

ต่อเข้า iPad เลยอย่าให้ช้า

iRig Keys With iPad

หลังจากพิจารณารายละเอียดต่างๆ รอบตัวแล้ว ผู้เขียนต่อเข้ากับ iPad ที่มีทันที เปิดแอปที่ชอบอย่าง Korg iPolysix ตัวคีย์ให้สัมผัสที่เด้งรับมือ แม้ว่าเราไม่สามารถคาดหวังการตอบสนองต่อ Velocity ที่แน่นอนแม่นยำแบบคีย์ใหญ่ แต่ iRig Keys ก็ให้การตอบสนองที่ทำได้ดี เท่าที่คีย์ระดับนี้ทำได้ เพราะผู้เขียนลองของ Korg มาก็ไม่ต่างกัน ซึ่งเวลาเล่นจริงแล้ว Magic หรือความมหัศจรรย์ต่างๆ นั้นจะอยู่ในแอปเป็นหลัก เพราะคีย์บอร์ดเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ควบคุม ทุกครั้งที่เราเล่นมัน เสียงก็จะมาจากแอป เราจะรู้สึกโฟกัสกับเสียงที่เราได้ มากกว่าจะมาใส่ใจสัมผัสจากคีย์บอร์ด เท่ากับว่า iRig Keys ไม่ทำให้ความรู้สึกในการเล่นสะดุด หรือเสียอารมร์แต่อย่างใด ตรงกันข้ามผู้เขียนเพลิดเพลินกับการทดลองเล่นเสียงต่างๆ โดยสั่งงานจากตัว iRig เองครับ

ในการต่อกับคอมพิวเตอร์ก็ทำได้ไม่สะดุดอะไร ไม่ต้องการแม้แต่ไดร์เวอร์ เสียบแล้วเล่นได้ทันที ตรงนี้ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก เพราะเราต่างก็คุ้นเคยกับการต่อคีย์บอร์ดประเภทนี้อยู่แล้ว

เก็บใส่กล่อง

ระหว่างที่เขียนบทความสรุปในส่วนนี้ ผู้เขียนหวนคิดถึงวันที่ซื้อ Midi Keyboard ตัวแรก สมัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนที่ยังความสับสนยังมีอยู่มาก ว่า MIDI ทำงานอย่างไร ต้องต่อแบบไหน และเมื่อมาเทียบกับวันนี้จึงรู้สึกว่าใครก็ตามที่ต้องการเล่นดนตรีโดยใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่ iPad จะพบว่ามันง่ายเหลือเกิน จนไม่ต้องกลัวว่าจะใช้ไม่เป็น ทั้งยังถูกจนไม่ต้องคิดมากถ้าจะซื้อมาเล่นเป็นแค่งานอดิเรก

อันที่จริง iRig Keys มีกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้คือคนทั่วๆ ไป มากกว่าจะใช้ในมืออาชีพ ในขณะที่มืออาชีพยังใช้ประโยชน์ได้จากการที่มันเล็กและเบา ทำให้เราสามารถพกพาไปเล่นหรือเขียนไอเดียเพลงได้สบายๆ แค่พก iPad กับ iRig Key ถ้ามีความสามารถจริงๆ เราสามารถทำงานเพลงที่มีคุณภาพระดับอาชีพได้เลยครับ

iRig Keys สามารถหาซื้อได้ที่ร้านออนไลน์ GROOV store (จัดส่งทั่วประเทศ)

ราคาอยู่ที่ 3990 บาท