พอดีไม่ได้เป็นเด็กสามย่านครับ เลยไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีร้านที่ Passionate ได้ถึงขนาดนี้ ใครเป็นเด็กสามย่าน (เฮียวิทย์??) รบกวนแบ่งปันประสบการณ์ในการซื้อของจากร้านนี้หน่อยนะครับ สำหรับใครที่ยังไม่รู้ความเป็นมา สามารถอ่านได้จากที่นี่
ผมขอยกข้อความบางส่วนมาไว้ที่นี่ด้วยเลย
จีฉ่อย (志才, พินอิน: zhìcái, เยล: ji3choi4) คือ ชื่อร้านขายของชำขนาดหนึ่งคูหา ตั้งอยู่หน้าตลาดสามย่าน ตรงบริเวณถนนพญาไท ตรงข้ามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ชื่อว่าเป็นสีสันแห่งหนึ่งของบริเวณสามย่าน ร้านจีฉ่อยเป็นร้ายขายของที่ขึ้นชื่อว่า มีของขายทุกอย่าง และถ้าของไหนไม่มีขายในร้าน จะสามารถมาเอาได้ภายใน 2 วันให้หลัง โดยเปิดตลอด 24 ชั่วโมง (ในเวลาเช้าถึงหัวค่ำ จะเปิดทำการที่หน้าร้าน ส่วนในเวลาหลังจากนั้น แม้ว่าดูเหมือนร้านจะปิด แต่คุณสามารถใช้บริการของร้านนี้ได้โดยการไปเคาะประตูหลังร้าน เพียงไม่นานนัก อาซิ้มเจ้าของร้านจะเดินฝ่าความมืดมาใกล้ๆ พร้อมกับถามว่า “ลื้อจาเอาอาราย”) ลักษณะร้านเป็นร้านกว้างประมาณ 3 เมตร และลึกประมาณ 10 เมตร ร้านจีฉ่อย เป็นธุรกิจครอบครัวชาวจีนที่เปิดร้านขายของชำ
พนักงานขาย
พนักงานขายของร้านนี้เป็นอาซิ้มสองคนผลัดกันเฝ้าเวร ตลอด 24 ชั่วโมง อาซิ้มทั้งสองคนรูปร่างหน้าตาเหมือนกันมากเนื่องจากเป็นฝาแฝดกัน ทำให้ลูกค้าที่มาซื้อของบ่อย ๆ ต่างอดสงสัยไม่ได้ว่า คนขายของร้านนี้ไม่หลับไม่นอนกันเลยหรือ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนกันคือ “ฟันทอง”
อีกประการหนึ่ง ตู้เก็บสินค้าในร้านที่มีจำนวนมาก วางเรียงรายไว้จนเหลือทางเดินในร้านกว้างเพียงแค่ 60 เซนติเมตร จะต้องอาศัยพนักงานร่างเล็กสองคนนี้เท่านั้น จึงจะสามารถเดินไปหยิบของภายในร้านมาให้ได้ ภายหลังทราบว่าอาซิ้มคนหนึ่งได้เสียชีวิตไปเสียแล้ว
ตอนนี้ ลูกชายแกมาช่วยขายในบางวัน บางทีอาซิ้มแกงงๆ หลงๆ ลืมๆ ก็จะได้สติจากลูกชายแกทำให้ขายของได้ถูกต้องมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีลูกจ้างสาวอีกหนึ่งคนคอยช่วยขายด้วย ในร้านยังมีหมาของแกอีกตัวคอยช่วยเฝ้าของ แต่เนื่องด้วยของในร้านเยอะมาก เจ้าของร้านสามารถเดินได้ทีละคนเท่านั้น สวนกันตรงทางเดินไม่ได้ ขนาดหมายังต้องวิ่งไปให้สุดร้านถึงจะกลับตัววิ่งออกมาได้
เทคนิคการขาย
เทคนิคการขายของร้านนี้คือถามหาอะไรมีหมด หากว่าสินค้าชิ้นนั้นไม่มีในร้าน ก็จะบอกให้รอเดี๋ยว แล้วก็หามาให้จนได้ เช่นหากต้องการทานข้าวขาหมู ถามว่ามีไหม พนักงานขายจะบอกว่า “มี รอเหลียว” (มาจาก รอเดี๋ยว) แล้วออกไปหลังร้าน ซื้อข้าวขาหมูจุฬาฯจากตลาดสามย่านมาให้ หรือเคยมีคนถามหากระบวยพลาสติกตักน้ำในห้องน้ำ ก็บอกว่า “มี รอเหลียว” แล้วไปหยิบมาจากไหนมาไม่ทราบ ยังมีน้ำหยดติ๋ง ๆ อยู่ ถือว่าพนักงานขายร้านนี้มีสปิริตของนักขายอย่างแท้จริง ถ้าถามถึงเลื่อย แกก็จะวิ่งไปร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ข้างๆแกล่ะ แล้วก็มาตั้งราคาเอง ถ้าของชิ้นนั้นต้องใช้เวลาในการหาสักครู่ใหญ่ แกก็จะมีลูกอม หรือขนมขบเคี้ยวมาให้บริการลูกค้าด้วย จะได้ไม่เบื่อ และถ้าซื้อเยอะล่ะก็ แกก็จะมีของกำนัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ปากกา (ถ้าเป็นนิสิต) มอบให้ลูกค้าอีกต่างหาก
ราคาของ
หลายๆครั้งที่พนักงานขายจะถามว่า “เคยซื้อเท่าไร” เมื่อบอกราคาที่เคยซื้อไปแล้วเขาจะบอกราคาสินค้าให้เรา สูงกว่าบ้างต่ำกว่าบ้าง โดยที่ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนแต่อย่างใด เช่น เทปMiniDVที่ขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปราคาม้วนละ 500 บาท แต่ถ้าลูกค้าโดนถามว่าซื้อมาเท่าไหร่ ก็จะตอบว่า 200 แล้วอาซิ้มก็จะให้ราคาตามนั้น ถูกบ้าง แพงบ้าง แล้วแต่อารมณ์และความรู้ในสินค้าของแก
ของที่ขาย
ตัวอย่างสินค้าที่มาขาย หรือเคยวางขายในร้านได้แก่ ของเล่น น้ำอัดลม ปากกา สบู่ ลูกบอลพลาสติก ปูนพลาสเตอร์ รองเท้า กากเพชร กับดักหนู ใบลงทะเบียนเรียนของจุฬาฯ ตั๋วเครื่องบิน ฮูล่าฮุป เปียโน สีน้ำมัน และรถยนต์
มีผู้ที่เคยใช้บริการบอกว่า เคยไปซื้อฮาร์ดดิสก์จากอาซิ้ม เพราะคิดว่าไม่มีแน่นอน แต่อาซิ้มก็ตอบว่ามีแล้วมุดไปหาจนเจอจนได้ มีผู้ใช้บริการอ้างว่า เคยตัดชุดครุยรับปริญญากับจีฉ่อย นัดแค่สองวันมีช่างมาวัดตัวเสร็จสรรพ ได้ชุดครุยยี่ห้อจีฉ่อยไปใส่ถ่ายรูปสวยงาม นอกจากนี้เคยมีนิสิตคณะหนึ่งยืนยันได้ว่าเคยจ้างวาน ให้ร้านจีฉ่อยไปซื้อ เซียมซีเพื่อใช้ในการทำงานมาแล้ว
นิสิตคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ คนหนึ่งเล่าว่า เคยไปซื้อของกลางดึกเพื่อทำวิทยานิพนธ์ ประมาณตี 1 เจ้าของร้านบอกให้ไปหลังร้าน ซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียน เสร็จแล้วก็นึกสนุกระหว่างที่รอซิ้มค้นหาของ ตะโกนถามซิ้มว่า มีลิโพ ขายไหม ซิ้มก็ตอบทันทีว่า “จะเอากี่ขวด”.. “ยาแก้ปวดล่ะ” แน่นอน ซิ้มตอบ “จะเอากี่เม็ด” นิสิตคนนั้นไม่ยอมแพ้ถามต่อ ว่า “แล้วเก้าอี้หมอฟันล่ะ มีขายมั้ย” ซิ้มนิ่งไปนิดนึงก่อนจะตอบว่า “รอเดี๋ยว” …(ไม่มีการยอมแพ้)
อีกตัวอย่างหนึ่ง ที่นิสิตจุฬาฯชอบไปลองของกับอาซิ้มเจ้าของร้าน โดยสั่งซื้อ “กิโมโน 1 ชุด” อาซิ้มหันมาและถามว่า “ลื้อ จะเอาจริงรึเปล่า?” (นั่น มีท้าทายกันด้วย) นานไปๆ จากร้านขายของสารพัดอย่าง ก็เป็นได้ทั้งเวทีท้ามวย ขายหัวเราะ ร้านอาหาร ร้านตัดผม และร้านอื่นๆอีกมากมาย ยิ่งการประชันฝีมือ จีฉ่อยไม่เคยแพ้ใครเลย แม้จะมีคนท้าว่าอยากใส่รองเท้าบู๊ทสีชมพูสด ขนาดฝ่าเท้า แกก็อุตส่าห์หามาให้จนได้ นะ
อันนี้ก็ขอเสริมอีกหน่อยครับว่า อันนี้เขาเล่ากันมานะ มีคนเคยลองของกับเจ๊แกอีกแล้ว. . .”เจ๊ ข้าวมันไก่จาน” เจ๊แกก็ “รอเหลียวๆ” หายไปพักใหญ่ๆ เจ๊แกเดินออกมาพร้อมกับข้าวมันไก่จริงๆ เคยขอซื้อเก้าอี้หวายยังมีเลย
ปัจจุบัน ร้านจีฉ่อยจะปิดวันอาทิตย์วันเดียว ส่วนวันธรรมดาจะเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม
ยังไม่หน่ำใจ?
ลองอ่านรายละเอียดจากเว็บต่าง ๆ ด้วย Google ได้เลย
ว่าแต่ร้านนี้มี ARP 2600 รุ่นสีเทาหรือเปล่านะ…?
Wit
28/03/2007 @ 23:38
ผมไม่กล้าไปลองของร้านนี้ครับ กลัวว่าเวลาอาซิ้มแกเข้าไปหาของในร้านแล้วจะโดนอะไรหล่นทับ ของเยอะจริงๆ รูปร่างอ้วนท้วนแบบผมเข้าไปในร้านไม่ได้แน่ๆ
สำหรับผมร้านนี้ถูกขึ้นหิ้งไว้ให้เป็นสีสันที่ยังคงเหลือของสามย่านในวันเก่าๆแล้วล่ะครับ