เชื่อว่า Passionsoundian หลายท่านคงไม่พลาดหนังเรื่องนี้เป็นแน่ ผมเพิ่งไปดูมาสด ๆ ร้อน ๆ ประทับใจมาก กับทุกอย่างที่เกิดขึ้น จึงขอนำมาเปิดประเดนคุยกัน โดยพยายามไม่ Spoil เนื้อหา หรือน้อยที่สุดครับ

เรื่อง Sound Design ของหนังเรื่องนี้ทำให้ประทับใจทั้งแต่ Logo ของ Paramount กับ Dreamwork แล้วล่ะครับ เพราะปกติ Logo Paramount มักจะไม่มีเสียง แต่หนังเรื่องนี้ใส่เสียงลงไปด้วย ช่วยเรียกน้ำย่อยให้เข้าใจได้ว่า “เตรียมเจอสุดยอดแห่งเสียงต่อจากนี้ได้เลย”

ตัว Soundtrack นั้นทำได้ดีสมมาตรฐานหนังใหญ่อยู่แล้ว แต่ Sound Design นั้นโดดเด่นมาก พยายามฟังเพื่อจับผิดเท่าไร ก็หาไม่เจอ คือเนียนมาก ๆ ครับ เสียงใสคมชัด และผ่านการโปรเซสมาจนได้เสียงที่ Unique ไม่มีอันไหนที่รู้สึกว่าเป็น Lo-fi หลุดมาเลย มีอยู่ตอนหนึ่งเท่านั้น ที่เสียงการแปลงร่างของหุ่นยนต์ ไล่บันได้เสียงขึ้น ฟังแล้วฮาดี แม้ว่ามันอาจเกิดขึ้นยาก แต่ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ (ชมวิดีโอ) ต้องชม Sound Desinger เลยว่า ทำออกมาได้ดีและยังน่าฟังมาก

ส่วนถ้าใครฟังเพลงมาเยอะ ๆ หน่อย น่าจะชอบตอนที่รถพระเอกแซวเวลาที่อยู่กับนางเอก อารมณ์เดียวกับตอนที่ดีเจวิทยุ เปิดเพลงที่เราถูกใจ

มุกเกือบทั้งหมด ดีมาก ๆ ครับ เข้าใจได้ทั้งโลกและแนบเนียนไปกับ Lifestyle ของคนในปัจจุบัน แม้เนื้อหาจะออกไปทางการ์ตูน และบางตอนก็ดูไม่ Logical แต่ผมเองก็ดูเอาสนุก เอามัน และเป็นหนังที่สุดยอดในดวงใจ ระดับเดียวกับตอนที่ได้ดู The Terminator 2 และ ID4 เลยครับ

ขอยคุณทีมงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและความสนุกสนานในการดูหนังหุ่นยนต์แบบเดียวกับสมัยยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ให้กลับคืนมาอีกครั้ง

ปล อีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบเวลาดูหนังไฮเทค นั้นก็คือเรื่องของ GUI ของโปรแกรม ที่รู้อยู่เต็มอกว่า Fake แต่เราก็อยากรู้ว่า Designer คิดยังไงบ้าง หนังเรื่องนี้ทำได้ถูกใจครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ เป็น Application ในการถอดรหัสเสียงด้วย เราจึงเห็น Waveform เท่ ๆ บนโปรแกรมสวย ๆ ที่ชอบที่สุดคือ GUI ของ Hacker ซึ่งมี Visual Art สวยงามมาก ๆ ยังกับไม่ใช่โปรแกรมของ Hacker แน่ะ เพราะ Hacker ส่วนใหญ่นั้น Text-Based ลูกเดียวครับ