แม้ว่าทุกวันนี้ การทำงานดนตรีทั้งหมดจะทำได้โดยใช้อุปกรณ์อย่างน้อยที่สุดแค่สองอย่างคือคอมพิวเตอร์กับออดิโออินเตอร์เฟซดี ๆ อีกตัวหนึ่งก็พอแล้ว แต่อุปกรณ์อย่างมิกเซอร์ก็ยังจำเป็นอยู่ เพื่อมาจัดการระบบ Routing สัญญาณเสียงต่าง ๆ อย่างต่อเข้ากับฮาร์ดแวร์เอฟเฟกต์หรือควบคุมระดับเสียงของการมอนิเตอร์ไมค์ ไปจนถึงการต่อเข้ากับอุปกรณ์อินพุทหลาย ๆ ตัวเพือรวมสัญญาณออกในเอาท์พุท 2 ช่อง M-Audio หนึ่งในผู้ผลิตที่ขยันออกไลน์ผลิตภัณฑ์มากทีสุดรายหนึ่ง ได้ออก NRV10 ซึ่งรวมเอามิกเซอร์ขนาด 8 x 2 กับ FireWire Audio Interface ขนาด 10 x 10 เข้าด้วยกัน ในราคาเพียง $900 ถือว่าไม่แพง ถ้าลองเอาราคาของอุปกรณ์สองอย่างแบบแยกกันมาบวกกันดู

เรายังสามารถนำมันไปใช้งานเป็นมิกเซอร์โดด ๆ โดยไม่ต้องต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งแนวคิดแบบนี้ Alesis และ Behringer เคยทำมาก่อน ซึ่งในรายนี้น่าจะทำออกมาได้ดีกว่าเนื่องจากมีประสบการณ์ในการทำ Audio Interface มากกว่า หรือในรายของ Mackie Onyx Series ก็เป็นรูปแบบที่คล้ายกัน เพียงแต่เราต้องจ่ายเงินซื้อ Option ในการใช้งานเป็นอินเตอร์เฟซ แต่ไล่ดูจากสเปคแล้ว M-Audio ได้ถอด Feature สำคัญไปหนึ่งอย่างคือ 4-Bus ซึ่งเป็นตัวช่วยให้เราส่งมิกซ์ออกไป 4 เส้นทางได้อิสระ แต่ถ้าไม่คิดมาก เราสามารถทำแบบนี้ได้กับอินเตอร์เฟซครับ

Features:

· มิกซ์สัญญาณอนาลอกจากคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง

· ระบบมอนิเตอร์เต็มรูปแบบ เราจึงสามารถฟังเสียงทุกอย่างได้โดยต่อเฮดโฟนเข้ากับตัวมิกเซอร์

· สนับสนุน Protools M-Powered รวมไปถึง Core Audio/ASIO

· มี Build-in Effect (reverbs, delays, rotary speaker, flanger, chorus, tremolo) โดยจะมี VST-Host Application สำหรับใช้งานร่วมกับมิกเซอร์

· ระบบอินพุท เอาท์พุทที่ครบถ้วน

ดูจาก Features แล้วก็ถือว่าน่าสนใจมากครับ ลองมองที่ Front Panel จะเห็นว่าน่าเสียดายอยู่นิดที่ตัว LED เป็นเพียงแค่ Peak Status ไม่ได้เป็นตัวบอกระดับสัญญาณอย่างละเอียดเหมือนมิกเซอร์ดี ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัว LED ถือเป็นอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ที่ไม่แพงเท่าไร โชคยังดีที่ Main Bus ยังให้ LED Meter มาสมบูรณ์ ที่เว็บของ M-Audio ได้จัดอุปกรณ์ตัวนี้ไว้ในหมวดหมู่ “FireWire Audio Mixers” นั่นก็แสดงว่ายังมีรุ่นอื่น ๆ ตามมาอีกไม่ช้า ซึ่งยังคงรักษาคุณภาพเอาไว้ก็น่าจะขายดีเหมือนกับอุปกรณ์ชิ้นอื่น ๆ ของ M-Audio ครับ

ข้อสรุปสั้น ๆ สำหรับ FireWire Audio Mixer ก็คือ หากต้องการมิกเซอร์ที่มีระบบ Route สัญญาณที่ซับซ้อนกว่านี้ ให้ลองมองหา Onyx Series แทนด้วยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายมากกว่า แต่ก็ได้ Features ที่มากกว่า แต่หากต้องการอะไรที่เรียบง่ายกว่า ใช้งบประมาณน้อยกว่า กับมิกเซอร์ขนาดเล็กกว่า M-Audio ก็น่าจะคุ้มค่ามาก ๆ และคงจะเข้ามาเมืองไทยตอนต้นปีพอดี ปี…ใหม่!! มิกเซอร์…ใหม่!! แฟน…oops!!

ที่มา CDM

สนับสนุนข่าวโดย The Absolute Sound & Stage