ตีพิมพ์ครั้งแรก The Absolute Sound & Stage

Echo ถือเป็นบริษัทเก่าแก่ที่ทุ่มเทในการวิจัยและผลิตซอฟต์แวร์-ฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้องกับเสียงมาช้านานถึงกว่า 25 ปีแล้วครับ ตัวผู้เขียนเองก็คุ้นเคยกับ PCI ซาวน์การ์ดของ Echo สมัยที่ทำงานเป็นเอนจิเนียร์ในห้องบันทึกเสียงระดับอาชีพย่านลาดพร้าว ซึ่งความประทับใจนั้นไม่มีอะไรมาก นอกจากการทำงานที่ราบลื่น จนบางครั้งก็ลืมนึกไปว่ามันมีตัวตนอยู่ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ ครับ เพราะมันเป็นการบอกเราว่ามันไม่มีปัญหาอะไรกวนใจเลย

ห่างหายจากผลิตภัณฑ์ของ Echo ไปนานหลายปี แม้ว่า Echo จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาเรื่อย ๆ ให้ผู้เขียนได้ติดตามอยู่เป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้สัมผัสตัวไหนเสียทีจนทาง Audital Pro ใจดี ส่งผลิตภัณฑ์ตัวอย่างมาให้ผู้เขียนทดสอบลองใช้ถึง 2 รุ่นด้วยครับ คือ AudioFire 4 กับ MiaMIDI แต่เนื่องด้วยเวลาอันจำกัด ผู้เขียนเลยขอยกมาทดสอบทีละรุ่นกัน เริ่มต้นด้วย AudioFire 4 กันก่อนครับ

clip_image002

Overview

จากชื่อก็พอเดากันได้ ว่ามันมีอินพุท เอาท์พุทมาให้อย่างละ 4 ช่อง (เพิ่ม S/PDIF I/O มาให้อีกอย่างละคู่) ซึ่งก็เพียงพอในการทำงานเพลงทั่วไป หรือถ้าใครต้องการแค่อย่างละ 2 ช่อง ก็ยังมีรุ่น AudioFire 2 มาให้เลือกใช้อีกด้วย (และยังมีรุ่น AudioFire 8 กับ AudioFire 12 สำหรับคนที่ต้องการจำนวน I/O ที่มากกว่า) และแน่นอนครับ จากชื่อก็บอกว่ามันเป็น FireWire Audio Interface แค่เห็นกล่องก็ให้ความรู้สึกน่าใช้แล้ว รีบเปิดกล่องออกมาก็ประทับใจมาก เพราะให้อุปกรณ์มาพอดีจัดในกล่องอย่างลงตัว คือนอกจาก AudioFire แล้ว ก็มีสาย FireWire แผ่นซีดีไดร์เวอร์และโปรแกรม Tracktion สำหรับสร้างงานเพลงได้ทันที และ Adaptor แค่รายละเอียดเรื่องสาย FireWire นั้นก็น่าประทับใจแล้ว เพราะเป็นสายคุณภาพดี และมีความยาวกว่า 2 เมตร ถือว่ายาวกว่าที่ติดมากับ FireWire Audio Interface จากผู้ผลิตรายอื่นที่ผู้เขียนรู้จัก ทั้งยังแถม Adaptor สำหรับแปลงหัวระหว่าง 6 pin ไป 4-pin อีกด้วย ซึ่งถือว่ารอบคอบมาก เพราะ Laptop ส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มาจากค่าย Apple มักจะมี FireWire Port แบบ 4-Pin ทั้งนั้น และโดยส่วนตัวเคยมีประสบการณ์ที่ต้องรออีกหนึ่งวัน ในการหาสายแบบ 4 Pin มาใช้รวมไปถึงความยาวของสายที่สั้นเกินไปอีกด้วยครับ จึงประทับใจส่วนนี้เป็นพิเศษ

clip_image004

ตัวกล่องของ AudioFire นั้นเป็นอลูมิเนียม ที่พอวางคู่กับ Macbook Pro แล้ว จะไปด้วยกันได้ดีมาก มีขนาด 15 x 15 x 3.5 เซนติเมตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานของ FireWire Audio Interface รุ่นเล็ก แต่จะเตี้ยกว่าของผู้ผลิตรายอื่นบ้างเล็กน้อย ความชอบส่วนตัวคือมันดูน่ารักกว่าครับ สัดส่วนกำลังดี ด้านหน้าพาเนลมีอินพุท 2 ช่องสำหรับบันทึกเสียงได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ไมค์ กีตาร์ คีย์บอร์ด มีปุ่ม Trim และ LED มิเตอร์ตามมาตรฐาน แต่การออกแบบนั้นน่าจะถูกใจเหล่า Minimalism เพราะใช้ทุกอย่างแต่น้อย ๆ เน้นใช้ประโยชน์ได้ครบถ้วน ส่วน Headphone Out นั้นจะต่างจากผู้ผลิตรายอื่นนิดหน่อย คือเป็น Minijack ครับ

ด้านหลังนั้นก็วางทุกอย่างที่จำเป็นได้พอดี ตั้งแต่ช่องต่อไฟ DC 12V ที่จะใช้ก็ต่อเมื่อเราใช้สาย FireWire แบบ 4 Pin ถ้าใช้แบบ 6-Pin ก็จะสามารถส่งไฟผ่าน FireWire ได้เลย ไม่ต้องต่อไฟเพิ่มให้ยุ่งยาก S/PDIF I/O อีกคู่ ที่เราสามารถใช้พร้อมกับ Analog I/O ทำให้จริง ๆ แล้วมันมีถึง 6 In 6 Out ถัดมาเป็น MIDI I/O ซึ่งแม้วันนี้คีย์บอร์ดรุ่นใหม่ ๆ จะต่อคอมพิวเตอร์ผ่าน USB ได้หมดแล้ว แต่มันก็ยังจำเป็นอยู่ ด้านขวามือสุดคือเอาท์พุท 4 ช่อง และอินพุทอีก 2 ช่อง ทั้งหมดเป็นบาลานซ์ครับ (TRS)

การที่มันออกแบบมาอย่างกะทัดรัดนั้น ส่งผลถึงการควบคุมบ้างเล็กน้อยครับ ยกตัวอย่าง LED Meter นั้นก็มีไฟแค่ 3 ดวง แสดงสถานะเท่าที่จำเป็น ไม่ได้ละเอียดเหมือนกับของผู้ผลิตรายอื่น ๆ หรือหากเราต้องการใช้ Phantom Power ก็ต้องเปิดการใช้ผ่านซอฟต์แวร์ AudioFire 4 Console แทน รวมไปถึงการปรับ Master Volume ก็ต้องทำผ่านซอฟต์แวร์ Console เช่นกัน ซึ่งพอเข้าใจได้ ผู้ผลิตหลายรายก็ทำแบบนี้ เพื่อให้เราได้ Interface ขนาดเล็ก พกพาสะดวกครับ

แกะกล่อง

clip_image006

ไม่ได้เป็นการแกะกล่องกระดาษนะครับ แต่หมายถึงการแกะกล่องจริง ๆ เพื่อดูอุปกรณ์ภายในที่ทาง Echo ไม่ได้บอกไว้ใน Spec Sheet แม้ว่าในเว็บของ Echo จะกล่าวไว้อย่างน่าประทับใจว่า

“ทาง Echo จะขอบอกสเป็คตามเป็นจริงของผลิตภัณฑ์ตัวนั้น ไม่ได้บอกสเป็คแค่ตัว Converter ที่มาจากห้องแลป”

ซึ่งถ้าอ่านบทความนี้ถึงตอนท้าย ก็จะเห็นว่าผลการทดสอบที่ผู้เขียนทดลองนั้น ใกล้เคียงกับสเปคที่ทาง Echo ว่าไว้จริง ๆ ครับ

clip_image008

AudioFire 4 นั้นใช้ Codec รุ่น AKM AK4620A ถึงสองคู่ ทำงานทั้งฝั่ง ADCs (อินพุท) และ DACs (เอาท์พุท) ครับ โดย AK4620A นั้นเป็นตัวที่พัฒนามาจากรุ่น AK4524 และ AK4528 ที่เคยใช้กับซาวน์การ์ดอย่าง M-Audio Audiophile 2496 กับ Echo MIA นั่นเอง

AK4620A นั้นออกแบบมาเพื่อใช้ Audio Interface ระดับอาชีพ, DAW และเครื่องดนตรีอื่น ๆ ที่ต้องการคุณภาพระดับอาชีพโดยเฉพาะครับ สนับสนุนถึง 24 Bit 192 KHz ทั้งฝั่งบันทึกและ Playback (แต่ตัว AudioFire 4 สนับสนุนแค่ 96 KHz นะครับ) ค่า S/(Noise+Distortion) อยู่ที่ประมาณ 100 dB ส่วนไดนามิกเรนจ์อยู่ที่ประมาณ 113 dB ซึ่งถือว่าดีมาก ๆ เพราะ Codec ตัวนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Dual-Bit Delta-Sigma ทางฝั่ง ADC (ติด IPGA และ Linear Phase Digital Filter ไว้ด้วย) ส่วนทางฝั่ง DAC จะเป็นแบบ Multi-Bit Delta-Sigma โดยมี Internal Switched-Capacitor Filter และ External Low Pass Filter เป็นตัวลดทอนนอยส์ที่เกิดจาก Delta-Sigma Modulator ครับ

ตัว Op-Amp ใช้ JRC-2068 แบบเดียวกับ EMU 1212M-1820M ส่วนพรีแอมป์สำหรับอินพุทด้านหน้าพาเนลนั้น คือชิพของ Analog Device AD SSM1219 หากสนใจก็สามารถนำไปค้นต่อจาก Google ได้เลยครับ

การติดตั้ง

เนื่องจากผู้เขียนเพิ่งลองระบบ Windows Vista จึงได้มีโอกาสทดลองติดตั้งทั้งหมด 3 OS ด้วยกัน (Windows XP-Vista-Mac OSX) ทั้งหมดนั้นง่ายมาก ๆ แค่ต่อ AudioFire 4 เข้ากับคอมพิวเตอร์แล้วเปิดเครื่อง ติดตั้งโปรแกรมไดร์เวอร์และพาเนล ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย และใช้ได้ทันที

clip_image010

หน้าซอฟต์แวร์ Console ก็สวยงามและเรียบง่าย เข้าใจง่ายมาก ๆ ซึ่งจะเหมือนกันกับรุ่นอื่น ๆ ในตระกูลเดียวกัน จะแตกต่างกันก็ตรงจำนวนของช่องสัญญาณเท่านั้น มีการควบคุมที่จำเป็นพอดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Pan, Solo, Mute ไปจนถึงการเลือกระดับสัญญาณระหว่าง -10 dBV กับ +4 dBu ทั้งยังสามารถเซฟและโหลด Setting เก็บไว้ใช้ได้ หน้าต่างการใช้งานจะแบ่งเป็น Tabs ระหว่าง Output คือหน้าของ Output 1-2, 3-4 และ S/PDIF Out ส่วนใน Tab สุดท้ายคือการตั้งค่าอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Phantom Power, Clock Source, Sample Rate ฯลฯ

clip_image012

ส่วนการดูค่า Latency อย่างละเอียด ยังสามารถทำได้ผ่าน ASIO Analyzer ได้ด้วยครับ ซึ่งต้องบอกว่าทาง Echo ใจถึงมาก ที่เปิดข้อมูลเหล่านี้ให้พวกเราดูกันอย่างละเอียด เพราะจากการใช้งาน ผู้เขียนพบว่าในเรื่องของประสิทธิภาพของ AudioFire 4 ทำได้ดีมาก ๆ ทำงานกับโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ประมาณ 20 กว่าแทรค พร้อม VST มากมาย ก็นิ่งมาก ๆ Latency ก็ถือว่าต่ำ โดยเฉพาะถ้าเทียบกับ FireWire Audio Interface ด้วยกัน

clip_image014

clip_image016

ส่วนเรื่องคุณภาพเสียง แม้ว่าผู้เขียนสามารถบอกได้คำเดียวว่า “ชอบ” แต่ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่สามารถนำมากล่าวอ้างได้ จึงขอนำผลทดสอบคุณภาพในเชิงปริมาณมาฝากกันครับ ทดสอบด้วยโปรแกรม RightMark Audio Analyser เป็นงานทดสอบอย่างง่าย ๆ ด้วยการต่อแบบ Loopback (เอาท์พุทมาเข้าอินพุท) ได้ผลลัพธ์ดังนี้ครับ

Noise Level, dB (A)

-110.2 Excellent

Dynamic Range, dB (A)

110.2 Excellent

Harmonic Distortion (%)

0.0027 Excellent

Harmonic Distortion + Noise dB (A)

-88.8 Well

Intermodulation Distortion + Noise%

0.0032 Excellent

Walrus Channels dB

-108.5 Excellent

Overall Assessment

Excellent

อย่างไรก็ตามครับ ซาวน์การ์ดแต่ละตัวต่างก็มีคาแรกเตอร์พิเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แตกต่างกันไปบ้าง ค่าของสเปคนั้นไม่ได้บอกถึงคาแรกเตอร์เหล่านี้ นอกจากหูของตัวเองครับ

หากสนใจ AudioFire 4 หรือรุ่นอื่น ๆ ตามขนาดของงาน ลองติดต่อตัวแทนจำหน่าย Audital Pro เบอร์โทรศัพท์ 02 742 5606 ถึง 8

สเปคจากทางผู้ผลิต

Analog Input

  • 2 Neutrik Universal connectors for balanced TRS or XLR
  • 2 Balanced TRS connectors
  • Accepts unbalanced signals
  • Frequency Response: 20Hz-20kHz, ±0.1dB
  • Dynamic Range: 112dB A-weighted
  • THD+n: <0.002% A-weighted
  • Nominal Input Level: +4dBu or -10dBV (software configurable)
  • 48V Phantom power on XLR inputs

Analog Output

  • 4 Balanced TRS connectors
  • Frequency Response: 10Hz-20kHz, ±0.1dB
  • Dynamic Range: 114dB A-weighted
  • THD+n: <0.002% A-weighted
  • Nominal Output Level: +4dBu or -10dBV (software configurable)

General Converter Specs

  • 128x Oversampling converters
  • 24 bit data resolution maintained throughout signal path
  • Multiple standard sampling rates supported:  32k, 44.1k, 48k, 88.2k, 96k

S/PDIF Digital Input/Output

  • Up to 24 bit resolution
  • Coaxial connector
  • Consumer/Professional Switch
  • Sample rates from 32kHz – 96kHz supported

MIDI

  • MIDI input
  • MIDI output

Digital Sync

  • S/PDIF in/out

Headphone Output

  • High quality 1/8” headphone jack
  • Volume control on front panel

General

  • Digital mixing
  • Near zero latency hardware monitoring

Dimensions

  • 6”(w) x 5 1/2”(d) x 1 1/2”(h)

Host Interface

  • 2 1394a (FireWire) ports

Mic Preamps

  • We spec our “studio quality” mic pres at -128 dBu EIN (equivalent input noise) and spec the A/D inputs at 112 dB dynamic range and a THDN of less than .002%, both A-weighted.